|
|
#87# - 344129 |
|
|
|
|
ไปเจอมาอ่ะ แอบก้อบมาให้อ่าน
La Mer
พอดีไปอ่านบทความหนึ่งมาเรื่องไอ้ประวัติและรายละเอียด ของยี่ห้อ La Mer มา แล้วก็เคยมีคนถามพลอยมากันบ่อยมากๆว่า ยี่ห้อเนี๊ยมันดีจริงสมราคาไม๊? วันนี้ก็เลยอยากเอาประวัติมาบอกกล่าวกันต่อดีกว่า แล้วเรื่องคุณภาพกับราคา ตัดสินใจกันเองตามวิจรณญานว่าสมควรซื้อไม๊นะค่ะ อันนี้ใครใคร่ซื้อก็ซื้อ เพราะมันโค ตะ ระ แพง
บอกก่อนว่า La Mer เนี๊ย ปัจจุบันได้ถูก Estee Lauder Take over มานานแล้วอะค่ะ ตอนนี้สกินแคร์ ใหม่ๆที่ออกมาก็ผลิตโดย Estee Lauder ทั้งนั้นค่ะ
ตัว Creme de la Mer อันแรกเริ่ม ออริจินัล คลาสสิกของเค้า ประวัติมันมีอยู่ว่า มันถูกคิดค้นมาจาก Lab Research ของนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Max Huber ซึ่งเค้าเป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์ของ NASA(แล้วพวกนักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกะอวกาศมันมาเกี่ยวไรกะเรื่องผิวหนังฟร่ะ??) คือเริ่มเดิมทีเนี๊ย อีตา Max Huber เค้าเคยประสบอุบัติเหตุจนผิวหนังเป็นแผลไหม้พุผ่องอะค่ะ เค้าก็เลยพยายามคิดค้นครีมมารักษาตัวเอง โดยทำการทดลองมาแล้ว 6,000ครั้ง ในเวลา12ปี จนได้สูตรลับ เด็ดดวง (อย่างเค้าว่า) ของ Creme de la Mer ออกมารักษาผิวของเค้าจนหายดี
ในตัวเนื้อครีมของ La Mer เนี๊ย ส่วนใหญ่มันจะประกอบไปด้วย น้ำที่ถูกสร้างโดยกระบวนการวิทยาศาสตร์ แล้วก็พวกสารที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ครีมเหนียวๆหนาๆ ประเภท วาสลีน กรีเซอรีน แล้วก็สาหร่าย นั้นเอง แต่นอกจากไอ้ตัว Creme de la Mer ออริจินัลจริงๆของ Max Huber แล้ว Estee Lauder ก็ยังหาเรื่องผลิต สกินแคร์อื่นๆต่างๆแล้วใช้ชื่อ La Mer มาเป็นไลน์ของเค้า แล้วก็หาส่วนผสมที่ฟังดูหรูหรามา Promote กันไป เช่น ผงเงิน (powdered silvered), ฝุ่นเกล็ดเพชร (diamond dust), น้ำชนิดนึงที่เค้าสร้างโมเลกุลใหม่ในแล็ปขึ้นมา เรียกว่า declustered water, พวกเกล็ดหินที่หายาก และ แพง (semiprecious stones), แร่ธาติ Tourmaline ที่มีส่วนประกอบโครงสร้างโมเลกุลซับซ้อนที่มีประจุแม่เหล็กอะค่ะ
สาหร่ายที่เค้าเอามาโปรโมทนักหนา มันคือตัวประเด็นหลักในครีมออริจินัลของเค้าที่บอกว่าช่วยซ้อมแซมเซล์ลที่โดนไฟไหม้ของอีตา Max Huber เค้าค่ะ แต่มันก็ไม่ใช่สาหร่ายมหัศจรรย์หายากอะไรขนาดนั้น (เค้าจะเอามาโปรโมทให้ขายแบบแพงๆเกินไปหน่อยนะ เราว่า) เพราะอันที่จริงแล้วไอ้สารสกัดจากสาหร่ายทั้งหลายเนี๊ยหาได้ทั่วไปตามส่วนผสมของสกินแคร์ หรือ เครื่องสำอางทั่วๆไป ยังมีในพวกอาหารและยาต่างๆอีกด้วย แต่อย่างว่าสัดส่วนที่เค้าใส่ลงไปขนาดไหน อันนี้เราก็ไม่ทราบได้
ตัวต่อไปที่เค้าโปรโมทหนักหน้าก็คือ Declustered Water ไอ้ Declustered Water เนี๊ยคือ น้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาในแล๊ปค่ะ เค้าเคลมว่า มันมีประจุ ions ที่เล็กกว่าน้ำตามธรรมชาติ (Aqua, H2O) ซึ่งมันจะซึมเป็นตัวนำให้สารต่างๆ เข้าไปในเซล์ลผิวหนังง่าย เร็ว และ ดีกว่า น้ำตามธรรมชาติ (Aqua) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเท่าที่พลอยรู้ ยังไม่มีการทดลอง ทดสอบ อย่างเป็นทางการและเขียนเป็นลายลักษ์อักษรจากแล็บอื่นว่าไอ้ declustered water มันทำปฎิกิริยานั้นจริงไม๊นะค่ะ คือมันมาจากการเคลมของ La MerLab โดยตรงข้างเดียว อันที่จริงตามรีเสิชความงามทั่วไปบอกไว้ว่าเมื่อเซล์ลผิวหนังได้รับน้ำเข้าไปเต็มที่จะทำให้เซล์ลสมบูรณ์แข็งแรงและทำให้ ผิวหนังดูเปล่งปลั่งตามมานั้นเอง แต่ แต่ แต่ ด้วยเหตุนั้นเอง ก็จะเกิดการชะลอตัวของการผลัดเซล์ล แล้ว สร้างใหม่ตามไปด้วยอะค่ะ แต่ว่าแหม.. น้ำเฉยๆตามธรรมชาติ ก็คงพอกับผิวหนังเรารึเปล่า?? อันนี้ก็ต้องดูกันไปตามรีเสิชในอนาคตค่ะ
ต่อไปไอ้ตัวแร่ธาติ Tourmaline ซึ่งเป็นแร่ธาตุเป็นมีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้าที่เป็นประจุแม่เหล็ก ซึ่งใช้ในพวกวิศวะกรรมเครื่องจักรต่างๆในการกำหนดทิศทางของแสง แล้วมันก็เลยฟังดูเหมือนว่าไอ้แร่ธาตุพวกเนี๊ยจะช่วยหักเหแสงกระทบต่างๆที่ ตกกระทบมาบนผิวหน้าเราเน่อะ แต่คุณสมบัติหักกระทบแสงเนี๊ย มันไม่ได้ช่วยให้หายเหี่ยวไปจริงอะค่ะ แต่ว่าจะช่วยให้ดูว่ามันหายเหี่ยวหายอิดโรยไปเวลาทาไอ้ครีมที่มีส่วนผสมมันเท่านั้นเอง แต่ลองคิดดีๆว่า ถ้ามันอยู่ในพวก คลีนเซอร์ ก็ไม่ได้ทำคุณสมบัติแสงอะไรทั้งนั้น แค่เป็นส่วนประกอบในการล้างหน้าเหมือนทั่วๆไป La Mer เค้าก็เคลมต่อว่า ไอ้แร่ธาตุ Tourmaline พวกนี้เช่น ไอ้เกล็ดมันทำปฎิกิริยากะผิวหนังเรา เพราะมันเป็นแม่เหล็กใช่ไม๊ มันก็มีคุณสมบัติดึง Iron (ธาตุเหล็ก)ที่อยู่ในเลือด เป็นการดึงเซล์ลเม็ดเลือดขึ้นมาหล่อเลี้ยงผิวหนังชั้นบนทำให้เซล์ลทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น อารมณ์คล้ายๆกะพวกแผ่นแป่ะๆแม่เหล็กทั้งหลายของพวกนักกีฬาที่เอาไว้แป่ะลดอาการเจ็บปวด บวมช้ำ เพราะเลือดจะมาเลี้ยงแล้วก็เร่งการปรับสภาพของผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นอะไรทำนองเนี๊ยค่ะ
มาถึงตัวไอ้ผงเงิน (powdered silvered) หรือเค้าเรียกอีกอย่างกันว่า colloidal silver แบบว่าเป็นแร่เงินขุดจากธรรมชาติ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น แร่เงิน มีคุณสมบัติในการทำลายแบคทีเรีย และ ทำความสะอาดผิวนั้นเอง แต่ถ้าใช้สัมผัสกับผิวมากๆ ก็ไม่เป็นผลดี เพราะจะทำให้เกิดการแพ้ระคายเคือง แถมถ้ามากไปจะทำให้ผิวกลายเป็นหมองไปเสียด้วยซ้ำหล่ะ จากรีเสิชทั่วไปไอ้เกล็ดเงินเนี๊ยนะ มันไม่ได้ช่วยอะไรกับการทำให้ผิวไม่เหี่ยวเลย เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเค้าจะเอามาโปรโมท ทำไม? แพงด้วย คือคิดว่าที่เอามาโปรโมทก็คงเพราะมันฟังดูแพงดี ดูมีราคา เออแล้วใครที่แบบว่าใส่เงินแล้วแพ้นะ จบเลยทั้นที ใช้ผลิตภัณท์พวกนี้ก็จะแพ้แน่นอนค่ะ
ส่วนผสมทั่วๆไปอย่างอื่นก็คงจะมีพวกสารสกัดจากกระดูกอ่อนของปลาทะเล (ฟังดูน่ากลัวเน่อะ),วิตตามินต่างๆ , น้ำมันสกัดจากพืชแล้วก็เมล็ดพืชต่างๆเช่น ยูคาลิปตัส, มิ้นท์ แล้วก็มีแร่ธาตุพวก copper, sodium, calcium, quartz ค่ะ
ส่วนผสมของครีมและผลิตภัณท์ของ La Mer ก็แจงให้อ่านกันไปแล้ว
มหัศจรรย์แค่ไหน อันนี้คงต้องลองกันดูเองค่ะ
ตามสโลแกนของเค้าเลยว่า "Do you believe in miracles?"
All Content Copyright 2007 © Holding by Makeupguru83, All rights reserved |
|
|
27 ต.ค. 50 / 13:38 |
|
0
0
soda |
|
|
|
|
|
followup id 344129
|
58.9.150.58
|
|
|
|