|
|
|
" วัน (เหนื่อยใจแทน) เด็กแห่งชาติ " |
|
|
วัน (เหนื่อยใจแทน) เด็กแห่งชาติ
เก่ง วงศ์กล้า
keng_wongkla@hotmail.com
และแล้ว วันเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ของกระผมก็ผ่านพ้นไป เช่นเดียวกับหนึ่งในสามของชีวิตอันสั้น ประหนึ่งสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ ให้หัวใจอดรู้สึกหดหู่ ตามประสาคนศรัทธาใน บริษัทรับประกันหลังความตาย สั่นคลอน มิได้
ต้องยอมรับว่าบางครั้ง อารมณ์ทำนองนี้ ผลักดันให้ใครหลายคน คิดอยากกลับไปเป็นเด็กอีกสักหน แต่ในฐานะที่ติดตามข้อเขียนกันมา ได้โปรดอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คิดตาม สิ่งที่กระผมกำลังจะยกมากล่าวต่อไปนี้ สักหน่อยเถิดว่า
ถ้าใครสักคน ที่อุตส่าห์จะลงทุนย้อนเวลา แต่ไม่สามารถกลับไปเป็นเด็ก นอกสารขัณฑ์ประเทศแห่งนี้ได้ ขอให้อดทน ใช้ชีวิตที่เหลือในวัยผู้ใหญ่/ผู้เฒ่า รอวันโบกมือบ๊ายบายญาติพี่น้อง ไปสู่ที่ชอบที่ชอบ ท่าจะเวิร์คกว่า
เพราะแม้ท่านจะอยู่ในวัย ที่ต้องแบกรับภาระต่างๆ นาๆ มากมาย ตั้งแต่การทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเอง สามี/ภรรยา พ่อแม่พี่น้อง ลูกหลาน เหลนโหลน กระทั่งเผื่อแผ่ไปถึง น้องๆ หนูๆ ที่ต้องการทุนทรัพย์ในการเรียน
แต่นั่นก็อาจจะดูเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กไทย
จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่กระผมมองว่า เด็กไทยเนี่ยแหละครับ ติดอันดัน เด็กที่แบกรับ ภาระ หนักที่สุดประเทศหนึ่งในโลก
และทำท่า จะหนักเสียยิ่งกว่า ภาระของคนผิวขาว ที่ (เชื่อว่าตน) จะต้องไปปลดปล่อย ชาวบ้านป่าเมืองเถื่อน ให้เข้าถึงความศิวิไลซ์ เรื่อยไปจนกระทั่ง ถึงพระคริสต์ เสียอีก
ก็ดูเราทำกันสิ เด็กเกิดมาได้ไม่เท่าไร ผู้ใหญ่หัวหงอกหัวดำทั้งหลาย ก็เห็นดีเห็นงาม กลุ้มรุมกันรังแก ประเคนนู่นโน่นนั่นนี่ ให้โครมๆ
ผ่านอะไรไกลตัวที่ไหนก็เปล่า คำขวัญวันเด็ก ที่หัวหน้าฝ่ายบริหารของบ้านเรา ถือเป็นธรรมเนียม ว่าจะต้องคิด และมอบให้เด็ก เนื่องในโอกาสวันเด็กฯ ต่อเนื่องกันมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว นั่นแหละ
ตั้งแต่ ชายผู้มีลักษณะพิเศษ หูอยู่ต่ำกว่าตา จนเป็นที่มาของชื่อ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เมื่อ พ.ศ.2499 ที่เริ่มต้นบอกกับหนูๆ ทั้งหลายว่า จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
ตามติดมาด้วย ชายผู้ที่ มือปราบผี อาจตัดสินใจทำนองเดียวกับคดีคลองด่าน โบ้ยให้เป็นผู้รับผิดชอบ กรณีการสลายการชุมนุม เมื่อต้นปี 2553 ซึ่งเป็นเหตุให้มี ผู้บาดเจ็บนับพัน เลวร้ายที่สุด ก็คือ เสียชีวิตถึงริมร้อย
แทนอดีตนายกรัฐมนตรี มือใครเปลื้อนเลือด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะ หัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้น ตลอดจนพรรคพวก
เพราะนอกจากแกจะให้การปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากเสียชีวิตไปหลายสิบปีแล้ว ยังเคยประกาศไว้เองอีกด้วยว่า ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
กับซีรี่ส์คำสั่ง ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่... รักความก้าวหน้า (พ.ศ.2502) รักความสะอาด (พ.ศ.2503) อยู่ในระเบียบวินัย (พ.ศ.2504) ประหยัด (พ.ศ.2505) และ มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด (พ.ศ.2506)
ลำดับถัดมา เป็นของชายสามัญชน คนสุดท้ายในกองทัพไทย ที่มีบุญวาสนา ได้ครองยศจอมพล รวมถึงเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ให้คำขวัญวันเด็ก ถึง 9 คำขวัญ มากที่สุดในขณะนี้ จอมพล ถนอม กิตติขจร
นอกจากการตอกย้ำว่า เด็ก ดี หรือ เด็กที่จะ เจริญ ได้นั้น จะต้อง... รักเรียนเพียรทำดี (พ.ศ.2508) มีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี (พ.ศ.2509)
รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี (พ.ศ.2512) ประพฤติดีและศึกษาดี (พ.ศ.2513) และ หมั่นเรียน เพียรกระทำดี (พ.ศ.2514) ฝึกตนดี มีความสามารถ (พ.ศ.2515) แล้ว
นายกฯ คนซื่อ แกยังมีคำขวัญทำนองนาซิสม์ แฝงภารกิจชาตินิยมจ๋า อีก 3 คำขวัญ ได้แก่ อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย เมื่อ พ.ศ.2510
และ ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง เมื่อ พ.ศ.2511
รวมถึง คำขวัญซึ่งถูกผลิตซ้ำ จนติดหูของพวกเรา ถึงทุกวันนี้ อย่าง เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ เมื่อ พ.ศ.2516 ปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งผู้นำ
นับแต่นั้นเป็นต้นมา พาราไดม์ว่าด้วยเรื่องเด็ก ของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้ ก็วนเวียนอยู่กับ คุณลักษณะ อันท่านพิจารณากันเอง เห็นแล้วว่า เป็นสิ่ง พึงประสงค์
อาทิ ทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี (พ.ศ.2518) ของ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (พ.ศ.2520) นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม (พ.ศ.2539, 2530, 2531) พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม (พ.ศ.2535) อานันท์ ปันยารชุน เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี (พ.ศ.2546) พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร
มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข (พ.ศ.2550) พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เรื่อยมาจนกระทั่ง รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปีที่ผ่านมา
พิจารณาอย่างคร่าวๆ แต่เพียงเท่านี้ ก็พอจะบอกได้ว่า คำขวัญวันเด็กของนายกฯ แต่ละคน นอกจากจะสามารถสะท้อน ความรู้สึกนึกคิด หรือตัวตนของท่านผู้นำ ได้บ้างแล้ว
มันยังมีกลิ่นฉุนๆ ของเหตุ ตลอดจนวาระ อันเกี่ยวเนื่องกับ การบ้านการเมือง อยู่ไม่น้อย
ยกตัวอย่างปีนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกจากจะกล่าวถึง ความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ซึ่งเป็นแนวคิดร่วมพื้นๆ ของห้าสิบกว่าคำขวัญที่ผ่านมาแล้ว ยังมีการเน้นถึงความ สามัคคี ที่ถือกันว่า กำลังเป็นวิกฤติสำคัญของประเทศ
แต่ที่น่าสนใจที่สุด เห็นจะเป็น ใส่ใจเทคโนโลยี ซึ่งกระผมอาจจะคิดมากไปก็ได้ แต่เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ เคยปรากฎมาก่อนหน้า เพียงครั้งเดียว เมื่อ พ.ศ.2546 ในคำขวัญของ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่า เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
ไล่เลียงกันมาให้เห็นเช่นนี้แล้ว ไม่ทราบว่ามีผู้ใด ที่อยากจะกลับไปถูกคาดหวัง ให้ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ อีกหรือไม่ เพราะเท่าที่ว่ากันมา กระผมว่า ผู้ใหญ่ส่วนมาก ก็ยังทำกันไม่เห็นจะได้สักกะอย่าง
นี่ยังไม่นับรวม เพลงหน้าที่ของเด็ก ที่เปิดกล่อมประสาท ตามสถานที่จัดงานวันเด็กฯ มาร่วมครึ่งศตวรรษแล้วเช่นกัน ว่า
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึ่ง นับถือศาสนา สอง รักษาธรรมเนียมมั่น สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
ห้า ยึดมั่นกตัญญู หก เป็นผู้รู้รักการงาน เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน แปด รู้จักออมประหยัด เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
โชคยังดี ที่เด็กไทยเราฉลาด ไม่ได้จริงจังอะไรกับมันนักหนา ท่องเอาแต่พอให้ผู้ใหญ่สบายใจ แลกไอศกรีมทานกันพอเย็นๆ พุง ในวันงาน
ไม่เช่นนั้นมีหวัง ประท้วงแขวนคอตาย หน้าทำเนียบรัฐบาล กันหมดประเทศแหงๆ
--------------------------------------
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ.2555 หน้า 6 |
|
|
23 ม.ค. 55 / 15:14 |
|
0
0
|
|
|
|
|
|
view 2027 : discuss 4 : rating - : bookmarked 0 : vote 0
|
158.108.226.126
|
|
|
|