The Ten Roads to Riches: Ken Fisher :: โต๊ะสวนฯ

	สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก : โพสต์รูป, รูปแบบตัวอักษร, ไอคอน, bookmark, ค้นหาข้อความ ฯลฯ

" The Ten Roads to Riches: Ken Fisher "

The Ten Roads to Riches: The Ways the Wealthy Got There (And How You Can Too!)

Ken Fisher with Lara Hoffmans
ISBN: 978-0-470-28536-7

เผอิญเห็นพี่จากัวร์พูดถึงหนังสือเล่มนี้ ผมเลยไปหามาอ่าน ... แต่ว่าเสียดายเงิน และไม่มีเวลา
ตั้งแต่ผมรู้จัก The 80-20 rule ของ Pareto อะไรก็เลยง่ายขึ้น (นิสัยเสียมากขึ้นด้วย)
ว่าแล้วก็เลยหาทางเนต แล้วเอามาฝากกันครับ
ทั้งเล่ม 200 กว่าหน้า เหลืออยู่แค่นี้ เพราะถ้าให้ผมอ่านหมดเล่ม ก็จำได้แค่นี้เหมือนกัน = =

ใครขี้เกียจสุดๆ อ่านแต่สีฟ้าเลยครับ 555+

10 Roads to Riches
by Alexander Green, Chairman, Investment U
Investment Director, The Oxford Club

Here are Ken Fisher’s 10 roads to riches:

Start a successful business. This is the richest road. Prime examples are Bill Gates, Charles Schwab, Sam Walton, Larry Ellison and Michael Bloomberg. Of course, you’re unlikely to do nearly as well as any of these men. But that isn’t necessary. With enough time and effort, you can get plenty rich filling a need for a local product or service in your hometown. (That includes starting a plumbing business or putting braces on kids.)

Become CEO of an existing firm and juice it. This was the method for Jack Welch, Steve Balmer and others. This requires a lot of years of experience – and generally a lot of loyalty to one company. But if you have the drive and ambition, the salary and option compensation can make it well worth your while.

Hitch your wagon to a star. This method involves tying your fortunes to a successful business visionary. Charlie Munger did with Warren Buffett, Jeffrey Skoll with Jerry Yang, and Peter Chernin with Rupert Murdoch. This is a tough one though. You have to recognize a visionary early, offer him something of value and stick with him. Not easily done.

Turn celebrity into wealth. We all know that celebrities are loaded. But unless you’re a world-class athlete, a terrific singer/songwriter or have Lana Turner’s profile, you should probably give this one a pass.

Marry well – really, really well. This seems shallow, I know, but a 2007 Wall Street Journal poll found that two-thirds of women said they’d be “very” or “extremely willing” to marry for money. Half of men surveyed said they’d marry for money, too. Who’d have thought? (Also, expect a prenup.)

Steal it, legally. Some people think plaintiff’s lawyers are crusading saviors. Fisher sees them as bloodsucking leeches and extortion artists. (He quotes the age-old Mexican curse: May your life be full of lawyers.) But if you can handle law school and pass the bar, this method is a possibility.

Use other people’s money. This is the most common road for the ultra-wealthy. Managing other people’s money is how bankers, brokers, insurance companies, mutual fund managers, hedge fund managers and personal money managers like Ken Fisher make their millions. (Whether their clients are getting what they pay for is another story entirely, one I cover in my new book “The Gone Fishin’ Portfolio.”)

Invent an endless future revenue stream. In this scenario, you create something – a book, a movie, a Broadway play – and find a way for it to create long-term royalties. This, admittedly, is a long shot. If you’re going to try this path, says Fisher, “Think lunch boxes.” Products that end up on lunch boxes – Spiderman, Star Wars, etc. – are the really big moneymakers.

Monetize unrealized real estate wealth. Millions of Americans have gotten rich in real estate. And many will in the future. But Fisher says skip the idea of flipping houses and condos – the transaction costs alone will kill you – and concentrate on good properties in desirable areas with predictable cash flows.

Take the Road More Traveled. This is the method we focus on here at Investment U. It’s about maximizing your income, controlling your outgo, religiously saving the difference and then managing your investment portfolio intelligently.

http://jutiagroup.com/20081111-10-roads-to-riches-nine-ways-to-get-rich-plus-one-foolproof-way/

18 ก.พ. 55 / 22:06

เบอร์10

(7098) : n/a : n/a : n/a

view 2172 : discuss 5 : rating - : bookmarked 0 : vote 0

124.120.133.160

#1# - 671577

ผมว่าอ่าน 10 หัวข้อนี้แล้วต้องกลับมาดูว่าเราชอบอะไรก่อน แล้วไอ้ที่ชอบมันไปตรงกับหัวข้อไหน
เพราะต่อให้รู้ 10 หัวข้อ แต่ถ้าไม่ได้สนุกไปกับมัน ไม่ว่าเลือกทางไหนก็ไม่รุ่งครับ

หลังจากผมโดนสังคมรอบข้างพูดแต่เรื่องเงินมาตลอด ผมพึ่งรู้ตัวนะว่าผมไม่ได้ทำเพื่ออยากรวยเป็นอันดับแรก
ผมอยากสนุกกับชีวิต มีงานที่ท้าทาย และได้สร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมากกว่า

ผมเชื่อว่าถ้ารักในสิ่งที่ทำ แล้วจะทุ่มเท เราจะมองเห็นอะไรได้ไกลๆ แล้วเงินมันจะตามมาเอง

ผมไม่แนะนำให้เลือกคณะ การเรียนหรือทำอะไรเพราะเงินเป็นเหตุผลหลักครับ
เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกอาชีพ ทุกทางเดินชีวิต มันก็มีจุดตกต่ำ ที่พอหันมองคนอื่นแล้วรู้สึกว่าเค้าดีกว่า
แต่เราไม่มีทางรู้หรอกว่าแต่ละทางเดินที่เลือก มีอะไรแย่ๆรออยู่บ้าง

หนังสือเล่มนี้ดีตรงสรุปทางเดินของคนรวยแล้ว แต่อาจทำให้คนยังไม่เคยรวยมองข้ามพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้รวย
พูดง่ายๆ คนอ่านแค่เล่มนี้ อาจไม่มีโอกาสได้รวยเลยก็ได้ - -"
18 ก.พ. 55 / 22:28
0 0

เบอร์10 (7098) : n/a : n/a : n/a

followup id 671577 124.120.133.160

#2# - 671578

หลังจากอาบน้ำไปคิดไป หนังสือนี้มันก็ไม่เลวนะ นั่งไล่ ไป 10 ข้อ ดูว่าที่ชอบๆ มีตรงกับข้อไหนบ้าง

Start a successful business. ข้อแรกก็โดนหล่ะ ใช่เลย ผมชอบไอเดียที่ขายของให้ความต้องการในเมือง ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา เห็นเลยว่าจังหวัดรอบข้าง ผลิตสินค้าเพื่อขายคนกรุงเทพ 10 ล้านคน ในกรุงเทพ มีแต่กินกับใช้จ่าย ไม่ใช่แหล่งผลิตอะไรเลย เหตุผลลึกสุดๆคือมีธุรกิจเพื่อเป็นแม่เหล็กดูดโอกาส วันดีคืนดีเกิดมีคนเดินมาบอกว่าร้อนเงินอยากขายอพารต์เมนต์ แบบนี้ก็ได้จับของถูก ไม่ก็โผล่มายืมเงิน ให้คิดดอกร้อยละ5ต่อเดือน รวมถึงได้ลู่ทางในการทำธุรกิจใหม่ๆอีกด้วย

Become CEO of an existing firm and juice it. ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับผม แค่ในโรงเรียน ก็สู้พวกอมนุษย์ไม่ได้แล้ว ผมไม่อยากแข่งบนเส้นทางที่ผมไม่ถนัด แต่ทางเลือกนี้ เหมาะกับเด็กสวนกุหลาบมาก ผมไว้ใจว่าคนที่จบที่นี่ จะเป็นผู้บริหารที่ดีได้แน่ ห่วงแค่เล่นพักเล่นพวกเกินไป สงสารคนอื่นที่เค้าไม่ใช่แต่ก็ทำงานหนักเท่ากัน

Hitch your wagon to a star. ผมว่าข้อนี้ก็ใช่นะ ถึงจะยาก แต่มันต้องเป็นส่วนประกอบในกิจการยุคนี้จริงๆ อะไรที่เหมือนเดิมตั้งแต่รุ่นปู่ไม่มีทางรอดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าเห็นได้เช่นตัวสินค้า หรือเบื้องหลังการถ่ายทำเช่นระบบการผลิต ห่วงโซ่ต่างๆ ได้เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนทั้งจากเทคโนโยลีและพฤติกรรมผู้บริโภค ถ้าทำข้อนี้ไม่ได้ ข้อ 1. ก็ไปไม่รอด ส่วนถ้าทำธุรกิจเจ๋งจริง จะมีหน่วยงานรัฐหรือบริษัทต่างๆวิ่งเข้ามาเสนอโอกาส บอกว่าทำอย่างนี้อย่างนั้นได้มั้ย พร้อมให้เราเสนอราคากลับไปด้วย แต่ที่เด็ดสุดคือเราจะได้เทคโนโลยีใหม่ หรือกลายเป็นผู้นำตลาดต่อไปเรื่อยๆ

Turn celebrity into wealth. เผอิญหน้าผมคล้ายพี่หม่ำ จ๊กมก กับ หุ่นแบบโก๊ะตี๋ ผมว่าผมน่าจะดังกว่า 2 คนนี้ในเวลาอันสั้น - -"

Marry well – really, really well. ผู้ชายน่าจะลืมข้อนี้ไปได้เลย ผมเคยถามเรื่องแบ่งแยกสมบัติก่อนแต่งงาน พ่อผมบอกว่าถ้าไม่มีสมบัติ ไม่มีใครแต่งกับผมหรอก ... แปลว่าหน้าแบบพี่หม่ำ หุ่นแบบโก๊ะตี๋นี้สาวไม่ปลื้มเรอะ - -*

Steal it, legally. วิธีนี้ผมไม่เลือกหล่ะ ปวดหัว แต่ผมอยากแนะนำวิธีที่ดีกว่านี้ เฮียหลายๆคนที่ผมรู้จัก ชอบจัดหนัก รู้จักคนในหน่วยงานรัฐ เค้ามีวิธีขายของกันอย่างถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย แบบนี้นุ่มนวลกว่า ไม่ต้องอยู่กับทนายตลอดชาติ แต่ถึงจะดีขนาดนี้ผมก็ไม่ชอบจัดหนักอยู่ดี

Use other people’s money. นี่คือสิ่งที่ผมถูกสอน ถ้าเอาเงินหมดหน้าตักไปเล่นทอง ขึ้นๆลงๆ ผลตอบแทนเป็นไงไม่รู้ แต่ถ้าสร้างกิจการดีๆแล้วไปดึงเงินคนอื่นมา ผลตอบแทนเยอะต่างกันมาก (ถ้าไม่เจ้ง) และการเอาเงินคนอื่นออกมาใช้ เท่ากับเป็นการสร้างมิตรยามยาก เพราะเจ้าของเงินจะกระโดดช่วยเราทุกอย่าง (เพื่อปกป้องผลประโยชน์จากเงินเค้า)

Invent an endless future revenue stream. อันนี้ดีจริงๆ เคยเห็นคนที่ได้ค่าลิขสิทธ์หนังสือจากที่แม่เค้าเป็นคนเขียน ขนาดแม่เค้าเสียไปแล้ว คนเป็นลูกก็ยังได้อยู่เลย เสียดายที่ผมไม่มีลู่ทาง ไม่รู้จะเอาไปลงทางไหนดี และที่สำคัญ ผมไม่ค่อยชอบแนวนี้ = =

Monetize unrealized real estate wealth. บ้านผมเน้นเรื่องนี้มาก มีทองกับอสังหาที่ขึ้นตามเงินเฟ้อ ผมเห็นด้วยกับความคิดของ Fisher ที่อย่าขายบ้านขายคอนโดเอากำไรเพราะค่าโอนมันกินหมด รวมถึงผมเห็นด้วยที่จะเลือกอสังหาในโซนดี เพื่อได้รายรับที่ดี จริงๆผมพยายามไปให้ไกลในด้านพัฒนาโครงการแล้วขาย หรือจับของเน่าราคาถูกมาตกแต่งใหม่แล้วปล่อยขายหรือให้เช่า พยายามสร้างมูลค่าจากทักษะต่างๆน่าจะดีครับ สิ่งที่ผมชอบที่สุดของอสังหาคือการที่เราถือครองแล้วสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวมัน หรือสามารถหาเงินจากมันได้ในระหว่างที่ถือครอง ส่วนที่สบายใจสุดคือเราเป็นคนควบคุมมันเอง ไม่เหมือนทองที่ตอนถือไม่มีเงินไหลเข้า หรือหุ้นที่มีปันผลแต่เราไม่ได้ควบคุมมันเอง แต่ก็อย่างว่าหล่ะครับ แล้วแต่ความชอบความถนัดของแต่ละคน

Take the Road More Traveled. เรื่องลงทุน บริหาร Portfolio นี้ผมไม่รู้เรื่องเลย บทความนี้ก็ถูกเขียนโดยคนที่ทำด้านลงทุนแล้วอ้างถึงหนังสือของ Fisher อีกที บ้านผมก็ไม่มีใครรู้เรื่องพวกนี้ จะลงหุ้นก็กลัว จะซื้อพันธบัตรก็ผลตอบแทนน้อย สุดท้ายมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อที่ดินเก็บไว้

ที่เขียนอันนี้ไว้ เพราะซักวันผมจะกลับมาดู ว่าความคิดผมเปลี่ยนไปมั้ย มีอะไรน่าสนใจกว่าตอนนี้มั้ย
อะไรที่ทำได้อย่างที่คิด และอะไรที่คิดแล้วไม่ได้ทำ หรือทำแล้วไม่ได้ :]
19 ก.พ. 55 / 00:22
0 0

เบอร์10 (7098) : n/a : n/a : n/a

followup id 671578 124.120.133.160

#3# - 671579

เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

Credit: ขงเบ้ง
19 ก.พ. 55 / 04:54
0 0

jaguar (6859) : n/a : n/a : n/a

followup id 671579 124.121.51.246

#4# - 671595

เผอิญหน้าผมคล้ายพี่หม่ำ จ๊กมก กับ หุ่นแบบโก๊ะตี๋
^
^
จริงรึครับ 555
20 ก.พ. 55 / 10:04
0 0

Nietzsche and Heidegger (6723) : n/a : n/a : n/a

followup id 671595 202.12.118.61

#5# - 671602

อ้วน เตี้ย ดำ 555+
20 ก.พ. 55 / 19:50
0 0

เบอร์10 (7098) : n/a : n/a : n/a

followup id 671602 1.46.114.84

กระทู้นี้ต้องล็อกอินก่อนแสดงความคิดเห็นครับ