|
|
#13# - 675664 |
|
|
|
|
จริงอย่างที่ m.... ว่า เมืองไทยเน้นการป้องกันโรคน้อยกว่าประเทศอื่นๆเห็นได้ชัด เพราะแม้จะเป็นงานที่มีคุณค่า แต่คนทำไม่ได้เงิน
เคยทำงานในอีสานอยู่เกือบสิบปี อบรม อสม ไปเป็นพัน ตั้งธนาคารยาประจำหมู่บ้านด้วย แน่ใจว่าผลงานของ อสม ผสส อนามัย อำเภอ หรือ สาธารณสูข เทศบาล สุขาภิบาล โรงเรียนในการป้องกันโรคยิ่งใหญ่มาก งานพวกน้ำดื่ม ธนาคารข้าว การป,ลูกพืชผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ป้องกันโรคได้มาก ใช้เงินน้อย
การส่งเสริมให้คนออกกำลัง ดูแลสุขภาพตอนเด็กจะลดรายจ่ายอนาคตเป็นคนละ 10-20 ล้านบาท ถ้าเข้าเอกชน หมดตัวเลยแหละ
ในจีน ญี่ปู่น ยุโรป ประเทศสังคมนิยมต่างๆเน้น การป้องกัน สร้างคนที่หุ้นฟิตและเฟิร์ม ต่างจากของไทย
คนป่วยมาก บริษัทยาชอบ รพ เอกชน หมอเอกชนชอบ ฝ่ายขายอุปกรณ์การแพทย์ชอบ คนซื้อหุ้นชอบ
แต่คนที่เงินไม่พอต้องขายตัว ขายที่ ขายบ้าน หมดตัวก็เยอะ
บริหารชีวิตกันให้ดี พวกทำกิจการส่วนตัว หมดตัวตอนป่วยเยอะ
ในเมืองจีน เน้นการสร้างแพทย์เพิ่ม เขาคิดว่าสร้างหมอเพิ่มมากเท่าไร ยิ่งดีกับประชาชนเท่านั้น ตอนนี้สำเร็จแล้ว
ของไทยก็ทำได้ ถ้าจะทำ เพียงเพิ่มค่าตอบแทนอาจารย์แพทย์เป็นแสนถืงสองแสนแบบที่รังสิต ตอนนี้รัฐบาลให้มาแล้ว 30 ล้าน
แต่ถ้าเพิ่มมาก ความสามารถในการบรรจุของราชการโตไม่ทัน หมอไปทำงานภาคเอกชนมาก ค่าจ้างจะต่ำลง ค่ารักษาจะลดลง ดีกับประชาชน แต่ไม่ดีกับหมอ
ที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือ ค่ายา และอุปกรณ์การแพทย์
เมืองไทยจ่ายค่ายาปีละ แสนกว่าล้าน วิจัยเองน้อย ราคาจะลดลงมากเป็น 10 เท่า เราเน้นรับหมอแนวรักษา ไม่เน้นวิจัย
อุปกรณ์การแพทย์ที่ผลิตเอง ลดต้นทุนได้มาก แต่คนคิดจน เอาของนอกมาขายรวยกว่า
ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่มีนักเรียนเข้าแพทย์แล้วรวยกี่คน แต่อยู่ที่เราสามารถสร้างคนที่มีคุณค่าต่อระบบ และคนจนได้กี่คน |
|
|
15 ก.พ. 56 / 12:41 |
|
0
0
jaguar (6859) : n/a : n/a : n/a |
|
|
|
|
|
followup id 675664
|
171.97.146.33
|
|
|
|